หนึ่งในเทรนที่ได้เห็นจากงาน BaselWorld 2019, สวิสเซอร์แลนด์ คือนาฬิกาที่ออกแบบสไตล์ Vintage
หลายๆแบรนด์พยายามค้นหา heritage ของตัวเองผ่านการออกแบบที่แสดงออกมาถึงรากเหง้าของแบรนด์ ในช่วงยุค 30 ไปจนถึง 70
สไตล์Vintage นั้นขนาดและความหนาของตัวเรือนจะเล็ก/บาง กว่านาฬิกาในปัจจุบัน หน้าปัดใช้font แบบโบราณ ส่วนกระจกมักจะทำให้เป็นทรงโดม และวัสดุที่ใช้บางทีก็มีการนำ ทองสำริดมาผสม สำหรับตัวเรือน/ขอบนาฬิกา
นาฬิกาสไตล์นักบินและดำน้ำ มักจะเป็น2ประเภทที่แบรนด์นิยมนำมา reissue ใหม่
วันนี้ CasualChrono จึงอยากจะมาแนะนำนาฬิกา4เรือนจาก 2แบรนด์สวิส ที่ราคายังพอจับต้องได้ โดยมีทั้ง นาฬิกานักบิน และ นาฬิกาดำน้ำ
-----------------------------------------
นาฬิกานักบิน
ในช่วงสมัยสงครามโลก นักบินต้องอาศัยนาฬิกาที่เที่ยงตรงเพื่อภารกิจการโจมตีแบบ Coordinated attack นาฬิกาสวิสจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากเพราะความทนทานและเที่ยงตรง แรกเริ่มเดิมที นาฬิกานักบินเป็นนาฬิกาพก ที่เอาสายหนังมาติดเข้าไปจึงมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ และเม็ดมะยมก็จะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ เพื่อให้นักบินที่ต้องใส่ถุงมือสามารถใช้งานนาฬิกาได้สะดวก ตัวเลขบนหน้าปัดต้องมีขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถดูเวลาได้ง่ายๆแค่เหลือบมอง

//// Oris Big Crown Pointer Date 80th Anniversary Edition
เมื่อ81ปีที่แล้ว (1938) ได้เปิดตัวนาฬิกานักบินรุ่นแรก ที่มาพร้อมกลไกแบบพิเศษที่จะมีเข็มเฉพาะ1เข็ม สำหรับชี้บอกวันที่บนหน้าปัด ในปัจจุบันวันที่มักจะเป็นช่องๆหนึ่งอยู่ที่ตำแหน่ง3หรือ6นาฬิกา โดยชื่อ Big Crown มาจากเม็ดมะยมที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ กระจกหน้าเป็นทรงโดม
⚜ วัสดุ: Bronze (ทองสำริด)
⚜ สาย: หนัง
⚜ ขนาด: 40 mm
⚜ กระจก: Sapphire (ทรงโดม)
⚜ กันน้ำ: 50 m
⚜ กลไก: Cal. 754 (Automatic)
⚜ สำรองพลังงาน: 38 Hr
⚜ ฟังค์ชั่น: Pointer Date
ราคาประมาณ: 60,000 บาท
//// Longines Avigation Type A-7 1935
เป็นนาฬิกาที่อ้างอิงการออกแบบมาจาก นาฬิกาที่ longines ผลิตให้ กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1930 ดีไซน์ที่แปลกคือตัวเรือนจะเอียงๆ และมีปุ่มกดอยู่บนเม็ดมะยมขนาดใหญ่
⚜ วัสดุ: Stainless Steel
⚜ สาย: Leather
⚜ ขนาด: 41 mm
⚜ กระจก: Sapphire
⚜ กันน้ำ: 30 m
⚜ กลไก: Cal. L788 (Automatic)
⚜ สำรองพลังงาน: 54 Hr
⚜ ฟังค์ชั่น: Chronograph
ราคาประมาณ: 120,000 บาท
-----------------------------------------
นาฬิกาดำน้ำ
หลายแบรนด์มีการนำทองสำริดมาใช้ เพราะเป็นวัสดุที่เหมาะกับทะเลเนื่องจาก ทองสำริดนั้นทนทานต่อการสึกกร่อนสูงมากและสิ่งมีชีวิตในทะเลจะไม่สามารถเกาะบนทองสำริดได้ จึงมีการใช้ทองสำริดสำหรับผลิตใบพัดของเรือเดินสมุทร แต่ทองสำริดนั้นเมื่อสัมผัสอากาศ หรือโดนใช้งานบ่อยสีจะเข้มขึ้นและมีคราบ(patina)ตามตัวเรือนอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนที่ชอบก็จะรู้สึกว่ามันเท่ สวยแบบไม่ซ้ำใคร แต่ถ้าไม่ชอบก็แนะนำให้เลือกเรือนที่เป็น stainless steel พรายน้ำของนาฬิกาสไตล์นี้ทำออกมาเป็นสีครีมๆ(เหมือน Radium ที่เลิกใช้ไปแล้วเพราะมีกัมมันตรังสี)
หมายเหตุ: ตามมาตรฐาน ISO6425 นาฬิกาดำน้ำคือต้องสามารกันน้ำได้ตั้งแต่ความลึก 100เมตรขึ้นไป
//// Oris Divers Sixty Five
ชื่อรุ่นนี้มาจากปี 1965 ซึ่งเป็นปีที่ Oris เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำที่ประสบความสำเร็จรุ่นหนึ่งของแบรนด์ ทว่ากลับไม่ค่อยมีข้อมูลของรุ่นนั้นเท่าไรนัก
⚜ วัสดุ: Stainless Steel / ขอบ Bronze (ทองสำริด)
⚜ สาย: หนัง
⚜ ขนาด: 40 mm
⚜ กระจก: Sapphire (ทรงโดม)
⚜ กันน้ำ: 100 m
⚜ กลไก: Cal. 733 (Automatic)
⚜ สำรองพลังงาน: 38 Hr
ราคาประมาณ: 60,000 บาท
//// Longines Legend Diver
นาฬิกาดำน้ำที่เป็นต้นแบบให้เรือนนี้คือ Longines Nautilus Skin Diver ในยุคปี50 ต่อมาปี60 ในรุ่น 7042 ก็มีการออกแบบให้ มีเม็ดมะยม2ตำแหน่ง อันหนึ่งสำหรับปรับตั้งเวลา อีกอันสำหรับหมุนขอบ bezel ที่อยู่ใต้กระจก
⚜ วัสดุ: Stainless Steel
⚜ สาย: Stainless Steel
⚜ ขนาด: 42 mm
⚜ กระจก: Sapphire
⚜ กันน้ำ: 300 m
⚜ กลไก: Cal. L888 (Automatic)
⚜ สำรองพลังงาน: 64 Hr
⚜ ฟังค์ชั่น: เม็ดมะยม2ตำแหน่ง
ราคาประมาณ: 80,000 บาท