ในปัจจุบันงาน Watches & Wonders ถือเป็นงานนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี2022 นี้เป็นการกลับมาจัดงานอย่าง Full-scale อีกครั้งโดยเปิดให้คนเข้ามาร่วมงานได้ปกติ งานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม - 5 เมษายน 2565
งานนี้มีแบรนด์หรูจากทั่วทุกมุมโลกเข้าร่วมมากมาย มีนาฬิกาเปิดตัวใหม่หลากหลายรุ่น แต่ Casual Chrono อยากจะขอหยิบมาเพียง 5รุ่นที่ดูแล้วเป็นไฮไลท์ของงานจริงๆให้ทุกท่านได้ดูกัน โดยไม่มีการเรียงลำดับใดๆ นาฬิกาเหล่านี้มีความน่าตื่นตาตื่นใจในความพิเศษของแต่ละเรือนไม่ว่าจะเป้นกลไกที่ล้ำสมัย ดีไซน์ที่คลาสสิกแต่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง
Grand Seiko: Kodo Constant-force Tourbillon (SLGT003)
นี่เป็นนาฬิกา Constant-force tourbillon บนแกนเดี่ยวเรือนแรกของโลก ที่พัฒนาต่อมาจาก Concept T0 โดยเป็นกลไกแบบ Constant-force tourbillon ครั้งนี้ได้ผลิตออกมาเป็นเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงด้วยกลไกไขลาน 9ST1 ถึงจะเป็นกลไกที่ซับซ้อนขนาดนี้แต่ก็ยังกันน้ำได้100ม. และยังเป็นนาฬิกา Skeletonize ทั้งตัวเรือนและกลไกเรือนแรกของแบรนด์โดยโครงสร้างด้านในจะทำมาจากแพลทตินั่มส่วนตัวเรือนขนาด43.8 มม. ด้านนอกเป็นไทเทเนียม คำว่า Kodo นั้นแปลว่า การเต้นของหัวใจ ธีมการออกแบบเป็นการสะท้อนของชีวิตในย่านกินซ่าของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของสตูดิโอนาฬิกาใหม่ของแบรนด์ ผลิตจำนวนจำกัดเพียงแค่ 20เรือนเท่านั้น สนนราคาอยู่ที่ 350,000 USD หรือประมาณ 11.7ล้านบาท
Rolex: GMT Master II Left-Handed (126720VTNR)
นาฬิกาสำหรับคนถนัดซ้ายจาก Rolex โดยในยุค 50s Rolex เคยทำนาฬิกาGMTสำหรับคนถนัดซ้ายมาก่อน (GMT Master 6542) และจากสถิติทั่วโลกมีคนที่ถนัดซ้ายอยู่ประมาณ10% เรียกว่าเป็นนาฬิกาที่มีการพิเศษจริงๆขนาดที่ไม่มีใครเชื่อว่า Rolex จะทำนาฬิกาแบบนี้ออกมา โดยช่องวันที่ Cyclops และเม็ดมะยมต่างก็ถูกย้ายตำแหน่งมาที่3นาฬิกา ขอบหน้าปัดมาในสีที่กำลังฮอทสุดๆคือสีเขียว แต่เอกลักษณ์ของGMT คือขอบหน้าปัดสองสี ดำ/เขียว ที่เรียกชื่อเล่นว่า 'Sprite' กลไกอัตโนมัติที่ใช้ยังเป็น Calibre 3285ที่สำรองพลังงานได้70ชม. มาพร้อมฟังชั่น GMT บอกเวลาได้3time zone ผ่านเข็มทั้ง4เข็มบนหน้าปัด ตัวเรือนสตีลลขนาด 40มม. ราคา 391,600บาท สำหรับสาย Oyster และ 399,100บาทสำหรับสาย Jubilee
Vacheron Constantin: Les Historiques 222 (4200H/222J-B935)
222 เป็นนาฬิกาสไตล์ Integrated bracelet เรือนแรกของ Vacheron constantin โดยเปิดตัวในยุค 70s ออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดัง Jorg Hysek และถือเป็นต้นกำเนิดของคอลเลคชั่น Overseas รุ่น222 ยังออกมาเพื่อเฉลิมฉลองครบ 222ปีของแบรนด์อีกด้วย สำหรับรุ่นปี2022ที่ reissue ใหม่นี้ยังดีไซน์แบบ 222ในอดีตไว้ ทั้งสายแบบหกเหลี่ยม และขอบหน้าปัดแบบหยัก มาในตัวเรือนทองคำ18kขนาด37มม. ส่วนกลไกอัตโนมัติเป็น caliber 2455/2 ที่บางเพียง3.6 มม. ฝาหลังแบบเปลือยโชว์โรเตอร์ทองคำ 22k พร้อมสัญลักษณ์ 222 เรือนนี้มาพร้อมตราประทับระดับ Geneva Seal ที่รับรองความปราณีตขั้นสูงจากนครเจวีนา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Hermès: Arceau Le Temps Voyageur
World time เป็นหนึ่งในกลไกที่ซับซ้อนที่สุด แต่ Hermès ได้พัฒนาไปอีกขั้นโดยเป็นการแสดงการเคลื่อนไหวของเวลาตาม Time zone นั้นๆบนหน้าปัด โดยจะมีหน้าปัดย่อยเป็นจานที่จะหมุนไปตามตำแหน่งต่างๆที่จะชี้บอกเวลา Local time ของเมืองต่างๆรอบโลกเมื่อเรากดปุ่มที่ด้านซ้านของตัวเรือน ส่วน Home time ดูจากเลข24ชั่วโมงบริเวณ12นาฬิกา ซึ่งเป็นการบอกเวลาของแบรนด์ที่ Original มากๆ กลไกอัตโนมัติ Caliber H1837 สำรองพลังงานได้40ชม. มี2ขนาด2สี ตัวเรือนสตีล 38มม.สีน้ำเงิน ราคา22,550 USD หรือประมาณ754,000 บาท และ ตัวเรือนแพลทตินั่ม41มม. ขอบไทเทนียมสีดำ ราคา28,825 USD หรือประมาณ964,000บาท ทั้งคู่กันน้ำได้ 30ม.
นาฬิกาสำหรับคนถนัดซ้ายจาก Rolex โดยในยุค 50s Rolex เคยทำนาฬิกาGMTสำหรับคนถนัดซ้ายมาก่อน (GMT Master 6542) และจากสถิติทั่วโลกมีคนที่ถนัดซ้ายอยู่ประมาณ10% เรียกว่าเป็นนาฬิกาที่มีการพิเศษจริงๆขนาดที่ไม่มีใครเชื่อว่า Rolex จะทำนาฬิกาแบบนี้ออกมา โดยช่องวันที่ Cyclops และเม็ดมะยมต่างก็ถูกย้ายตำแหน่งมาที่3นาฬิกา ขอบหน้าปัดมาในสีที่กำลังฮอทสุดๆคือสีเขียว แต่เอกลักษณ์ของGMT คือขอบหน้าปัดสองสี ดำ/เขียว ที่เรียกชื่อเล่นว่า 'Sprite' กลไกอัตโนมัติที่ใช้ยังเป็น Calibre 3285ที่สำรองพลังงานได้70ชม. มาพร้อมฟังชั่น GMT บอกเวลาได้3time zone ผ่านเข็มทั้ง4เข็มบนหน้าปัด ตัวเรือนสตีลลขนาด 40มม. ราคา 391,600บาท สำหรับสาย Oyster และ 399,100บาทสำหรับสาย Jubilee
Vacheron Constantin: Les Historiques 222 (4200H/222J-B935)
222 เป็นนาฬิกาสไตล์ Integrated bracelet เรือนแรกของ Vacheron constantin โดยเปิดตัวในยุค 70s ออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดัง Jorg Hysek และถือเป็นต้นกำเนิดของคอลเลคชั่น Overseas รุ่น222 ยังออกมาเพื่อเฉลิมฉลองครบ 222ปีของแบรนด์อีกด้วย สำหรับรุ่นปี2022ที่ reissue ใหม่นี้ยังดีไซน์แบบ 222ในอดีตไว้ ทั้งสายแบบหกเหลี่ยม และขอบหน้าปัดแบบหยัก มาในตัวเรือนทองคำ18kขนาด37มม. ส่วนกลไกอัตโนมัติเป็น caliber 2455/2 ที่บางเพียง3.6 มม. ฝาหลังแบบเปลือยโชว์โรเตอร์ทองคำ 22k พร้อมสัญลักษณ์ 222 เรือนนี้มาพร้อมตราประทับระดับ Geneva Seal ที่รับรองความปราณีตขั้นสูงจากนครเจวีนา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Cartier: Masse Mystérieuse
เรียกว่าเป็นนาฬิกาที่สร้างความฉงนสงสัยให้แก่ทุกคนที่พบเห็นเพราะกลไกอัตโนมัติ Calibre 9801 MC นั้นเป็นทั้งโรเตอร์และกลไกในตัว ดูไม่ออกเลยว่าเม็ดมะยมกับกลไกต่อกันยังไง โดยกลไกนี้จะหมุนไปตามการเคลื่อนไหวของเรา นี่เป็นการรวมทักษะการทำนาฬิกาแบบ Skeletonize และ Mystery dial เข้าด้วยกัน Cartierต้องใช้เวลากว่า8ปีในการพัฒนาเลยทีเดียว บนหน้าปัดจะเป็นแผ่นจานแซฟไฟร์ที่เป็นตัวเฟืองเชื่อมต่อกลไกและเม็ดมะยมผ่านเฟืองอีกชุดที่ซ่อนอยู่ใต้วงแหวนหลักชั่วโมงเลขโรมัน ตัวเรือนแพลทตินั่ม 950 ขนาด 43.5 มม. เม็ดยะยมตกแต่งด้วยทับทิมเจียระไนแบบ Cabochon เรือนนี้เป็น limited edition ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 30เรือนเท่านั้น ราคา 250,000 EUR หรือประมาณ 9.1ล้านบาทHermès: Arceau Le Temps Voyageur
World time เป็นหนึ่งในกลไกที่ซับซ้อนที่สุด แต่ Hermès ได้พัฒนาไปอีกขั้นโดยเป็นการแสดงการเคลื่อนไหวของเวลาตาม Time zone นั้นๆบนหน้าปัด โดยจะมีหน้าปัดย่อยเป็นจานที่จะหมุนไปตามตำแหน่งต่างๆที่จะชี้บอกเวลา Local time ของเมืองต่างๆรอบโลกเมื่อเรากดปุ่มที่ด้านซ้านของตัวเรือน ส่วน Home time ดูจากเลข24ชั่วโมงบริเวณ12นาฬิกา ซึ่งเป็นการบอกเวลาของแบรนด์ที่ Original มากๆ กลไกอัตโนมัติ Caliber H1837 สำรองพลังงานได้40ชม. มี2ขนาด2สี ตัวเรือนสตีล 38มม.สีน้ำเงิน ราคา22,550 USD หรือประมาณ754,000 บาท และ ตัวเรือนแพลทตินั่ม41มม. ขอบไทเทนียมสีดำ ราคา28,825 USD หรือประมาณ964,000บาท ทั้งคู่กันน้ำได้ 30ม.