Post Page Advertisement [Top]

 
ผ่านไปอีกหนึ่งปี โลกก็ยังคงต้องต่อสู้กับโควิดต่อไป หวังว่าในอนาคตอันใกล้เราทุกๆคนจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติกันสักที และงานนาฬิกาจะได้กลับมาจัดได้อีกครั้ง เพื่อเราจะได้ไปสัมผัสบรรยากาศ แลกเปลี่ยนความเห็นกัน และสัมผัสเรือนเวลาใหม่ๆให้สมใจคนรักนาฬิกา

ในปีที่ผ่านมามีนาฬิกาเปิดตัวอยู่หลายรุ่นที่น่าสนใจ บางแบรนด์ก็ได้รับความนิยมขึ้นมาแบบก้าวกระโดด และเป็นปีที่นักสะสมหลายๆคนเริ่มหันมามองแบรนด์อิสระมากขึ้น แต่เทรนนี้อาจจะยังมาไม่ถึงประเทศไทยเท่าไรนัก อีกเทรนหนึ่งคือ นาฬิกาหน้าปัดสีเขียว และนาฬิกาสตีลสปอร์ท ไม่ว่าแบรนด์ไหนจะเก่าแก่หรือแบรนด์ใหม่ๆ ก็ออกนาฬิกาหน้าปัดสีเขียวออกมา

ส่วนปีนี้ 2022 เราเห็นเทรนด์ชัดเจนอย่างนึงเลยว่านาฬิกาได้รับความนิยมขึ้นมาแบบสุดๆ บางแบรนด์ยอดขายเพิ่มขึ้นมากว่า 6-7 เท่า แบรนด์ที่ไม่เคยมี waiting list ก็มีแล้ว ส่วนแบรนด์ที่เคยมี waiting list การรอคอยก็ยิ่งยาวนานขึ้นๆไปอีก บางแบรนด์บางทีไปดูที่ช๊อปกลับไม่มีนาฬิกาโชว์สักเรือน! จนหลายๆคนเริ่มถามว่า ลงทุนเรือนไหน หรือรุ่นไหนดี แต่สำหรับ Casual Chrono แล้ว นาฬิกาไม่ใช่ทรัพย์สินที่น่าลงทุนที่สุด และมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเมื่อเราดูราคาตลาดของรุ่นฮอทๆเช่น Rolex Submariner, Patek Philippe Nautilus, Audemars Piguet Royal Oak ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเทียบกับปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จากหลักแสนเป็นหลักล้าน! แต่ถ้าเราชอบสะสมอยู่แล้วและมีความพร้อมก็ซื้อไปได้เลย (นอกจากจะซื้อรุ่นฮอทๆได้ในราคาป้าย ซึ่งในตอนนี้เป็นไปไม่ได้เลย!)แต่ถ้าจะลงทุนจริงๆจังๆ น่าจะมีสินทรัพย์อย่างอื่นที่น่าสนใจมากกว่า เพราะไม่มีอะไรที่จะมีแค่ขาขึ้นอย่างเดียว อ่อปีนี้จะเป็นปีที่ Royal Oak ฉลองครบรอบ 50ปีด้วย แน่นอนว่าต้องมีรุ่นพิเศษออกมาแน่นอนๆ แฟนๆ AP รอดูได้เลย


ทีนี้ลองมาย้อนดูกันว่าในปีที่ผ่านมามีนาฬิการุ่นไหน หรือแบรนด์ใดบ้างที่เป็น talk of the town หรือน่าสนใจจนเราต้องมาบันทึกกันเอาไว้สำหรับปี2021กันบ้าง (ไม่มีการเรียงลำดับ)


1. Zenith Chronomaster Sport

เรือนนี้หลายๆคนอาจจะไม่คุ้นเท่าไรนักและอาจจะคิดว่าทำไมหน้าตามันคล้ายกับ Rolex Daytona จัง แต่จริงๆแล้ว Rolex กับ Zenith นั้นมีประวัติศาสตร์ด้วยกันมานาน เพราะกลไกของ Daytona ยุคก่อนปี 2000 นั้นเคยใช้กลไกจาก Zenith El Primero และ Zenith Chronomaster Sport เรือนนี้ก็มี DNA ของตัวเองอยู่เต็มที่ ทั้ง sub dial 3สีของแบรนด์ เข็มChronograph สีแดงพร้อม Tachymeter และ กลไก Chronograph ที่ขึ้นชื่อเที่ยงตรงระดับ 1/10วินาที เมื่อมองเรื่องความคุ้มค่าแล้วด้วยราคาป้ายที่ประมาณ 300,000 บาทเทียบกับดีไซน์สุดสปอร์ทและกลไกระดับเทพเรียกได้ว่าคุ้มมากๆ และฝาหลังยังโชว์กลไก ให้เราได้ดูการทำงานของ Chronograph ระดับ 1/10วินาทีอีกต่างหาก ทั้งหมดนี้ขอแค่คุณลองเปิดใจดู Zenith


2. Grand Seiko SLGH005 (White Birch)

Grand Seiko แต่ไหนแต่ไรขึ้นชื่อในเรื่องความเนียบของนาฬิกา perfect ระดับที่นาฬิกาสวิส Hi-end ต้องมองค้อน และหน้าปัดที่ทำออกมาได้มีรายละเอียดดูมีชีวิตชีวาจากแรงบันดาลใจของธรรมชาติ แต่ในปีนี้ GS ได้เปิดตัวกลไกใหม่ 9SA5 เป็นกลไกอัตโนมัติ Hi-Beat ที่มีการตกแต่งเก็บงานระดับ Hi-end luxury เลย ถ้าเราเทียบกับคู่แข่งฝั่งสวิสแล้วกลไกระดับนี้เทียบเคียงได้กับ Patek, AP, Vacheron ได้อย่างสูสี หรือบางด้านอาจจะเนียบกว่าด้วยซ้ำ ทว่าราคาที่ GS เรียกร้องอยู่ที่ 300,000 กว่าบาทเท่านั้น การมาของกลไกตัวนี้ทำให้เราคิดว่าเป็นการเติมส่วนสุดท้ายที่ขาดหายไปของ GS จริงๆ และหน้าปัดที่ได้รับชื่อเล่นว่า White Birch ที่มาจากชื่อต้นไม้ ก็ทำออกมาได้ดูเหมือนลายของต้นไม้จริงๆไม่ทิ้งเสน่ห์ของ GS เลยแม้แต่น้อย

3. Patek Philippe Nautilus 5711 Tiffany 170th Anniversary

สำหรับปี 2021 คงไม่มีเรือนไหนที่จะเป็นข่าวพาดหัวได้อย่างน่าตื่นเต้นเท่ากับ 5711 Tiffany อีกแล้ว เพราะ (น่าจะ) เป็น 5711 เรือนสุดท้ายในคอลเลคชั่นแล้วจริงๆ (ก่อนหน้านี้เคยประกาศว่า 5711 หน้าปัดสีเขียว Olive green จะเป็นรุ่นสุดท้าย) แต่เรือนนี้เป็นการออกมาเพื่อฉลองความสัมพันธ์ของ 2แบรนด์ Patek Philippe และ Tiffany & Co แบรน์จิวเวลรี่ที่อยู่คู่กันมากว่า 170ปี โดยเรือนนี้ผลิตจำนวนจำกัดเพียงแค่ 170เรือนทั่วโลกเท่านั้น! โดยแบรนด์จะเป็นคนเลือกลูกค้าเองด้วยว่าจะขายให้ใคร ทว่าจะปล่อยออกมาประมูลเพื่อการกุศลอยู่1เรือน และหลังปิดประมูลวงการนาฬิกาก็ช๊อคไปตามๆกันเพราะปิดไปด้วยราคากว่า 218ล้านบาท! สิ่งที่เรือนนี้พิเศษกว่า 5711 เรือนอื่นๆ หลักๆคือหน้าปัดสี Tiffany Blue และ label บนหน้าปัดว่า Tiffany & Co และความ exclusive ที่ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเจ้าของได้

4. Omega Seamaster Diver 300M 007 edition

เรือนนี้หลายๆคนก็อาจจะคิดว่าก็เป็น Seamaster 007 รุ่นพิเศษอีกเรือน แต่เราเชื่อว่าในอนาคตเรือนนี้จะเป็น1ใน collectible ที่หลายๆคนจะตามหา เพราะเป็น Seamaster สำหรับหนัง 007ของ Daniel Craig เรื่องสุดท้าย (No time to die ที่เข้าฉายปีนี้ หลังจากเลื่อนมานาน) และเขายังมีส่วนร่วมในการออกแบบเรือนนี้อีกด้วย วัสดุเรือนนี้ก็เป็นไทเทเนียนเพราะ Daniel บอกว่า 007ต้องใส่นาฬิกาที่น้ำหนักเบาเหมาะกับการทำภารกิจ ดีไซน์เรือนนี้ไม่เหมือน Seamaster รุ่นไหนๆเลย เพราะมีความวินเทจ กระจกหน้าก็เป็นทรงโดม ธีมสีที่ใช้ก็ดูย้อนยุด ทั้งเข็ม หน้าปัด และหลักชั่วโมง พรายน้ำสี Faux patinaสายถักแบบ Meshก็ยังทำมาจากไทเทเนียมเช่นกัน และยังสอดแทรกความเป็น James Bond เล็กๆด้วยสัญลักษณ์ บนหน้าปัดและฝาหลังอีกด้วย สนนราคาป้ายอยู่ที่ 320,000บาท

5. Rolex

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าปี 2021 เป็นปีของ Rolex ไม่จำกัดว่าเป็นรุ่นไหนทั้งนั้น เพราะแบรนด์ได้รับความนิยมขึ้นมาแบบพลุแตก ผลิตไม่ทันทั้งๆที่กำลังการผลิตของ Rolex ก็มีกว่าปีละ 1ล้านเรือนแล้ว แต่คุณลองไปเดินสำรวจหน้าช๊อปดูสิ บางช๊อปอาจจะไม่มีของเลย ทั้งๆที่ปีสองปีก่อนคุณสามารถที่จะเดินเข้าไปเลือก Datejust หรือ Oyster สักเรือนที่ถูกใจได้เลย เพราะมีให้เลือกหลายเรือนและอาจจะมีส่วนลดอีกด้วยเล็กน้อย แต่ตอนนี้แค่คุณอยากได้ Datejust สักเรือนก็ต้องลง Waiting list กันแล้ว บางช๊อปมีของโชว์แต่ก็บอกว่าทุกเรือนเป็น Exhibition only ต้องสะสมยอดกับร้านๆนั้นๆก่อนจึงจะมีสิทธิซื้อ ใครที่เป็นเจ้าของ Rolex มาก่อนแล้วเราก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่ใครกำลังอยากได้ Rolexสักเรือนตอนนี้ ก็คงจะต้องใช้ความพยายามกันสักหน่อย เพราะถ้าจะไปซื้อราคาตลาดมันก็แพงซะเหลือเกิน โดยเฉพาะ Oyster perpetual สี Tiffany Blue ที่ตอนนี้ราคาตลาดเกินล้านบาทไปแล้ว! ขึ้นมา5เท่าจากราคาป้าย!

 

สุดท้ายนี้ Casual Chrono ขอขอบคุณแฟนๆทุกท่านที่ติดตามกันมาตลอด ขอให้ปีนี้ทุกท่านพบเจอแต่ความสุข ความเจริญ ร่ำรวยเงินทอง และร่างกายแข็งแรงครับ หวังว่าปี 2022 นี้เราจะทำคอนเทนต์ที่น่าสนใจในโลกของนาฬิกาให้ตรงใจทุกท่านต่อไป

Bottom Ad [Post Page]