ในการสร้างคอลเลคชั่นนาฬิกาของเรา คงจะไม่มีใครบอกได้ว่าเราควรจะสะสมนาฬิกาแบบไหนยังไงเพราะคนที่จะตอบได้ดีที่สุดว่าชอบหรือไม่ชอบนาฬิกาเรือนใดๆก็คงจะเป็นตัวเราเอง (แต่บางครั้งกว่าจะรู้ตัวว่าชอบอะไรก็ลงเงินไปเยอะซะแล้ว) เราอาจจะชอบสะสมเฉพาะนาฬิกาสปอร์ทก็ได้ จะเก็บแค่แบรนด์เดียว หรือ สะสมหลายๆแบรนด์ก็ไม่ผิด ทว่า CasualChrono อยากจะขอนำเสนอหนึ่งในมุมมองที่เราอยากจะหยิบขึ้นมาแนะนำก็คือการสะสมตามประเภทของนาฬิกา
ทั้งนี้นาฬิกาสามารถแยกได้เป็นหลายสิบประเภท ไม่ว่าจะแบ่งตามกลไกภายใน, ดีไซน์, ยุคสมัย, รูปแบบการใช้งาน ทว่า เราอยากจะพูดถึงนาฬิกา6ประเภทที่หลายๆท่านอาจจะได้ยินบ่อยๆดังนี้
หมายเหตุ: ในแต่ละประเภทเราได้หยิบรุ่นที่เป็นที่นิยมมา3แบรนด์3รุ่นต่อประเภท โดยแต่ละรุ่นอาจจะมีรุ่นย่อย หรือแบบต่างๆอีกมายมาก และราคาเป็นราคาป้ายโดยประมาณ
1. Everyday Watches
นาฬิกาที่เราใส่ได้ทุกวันทุกโอกาส เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาที่อเนกประสงค์สุดๆ ใส่ทำงาน, ไปเที่ยว หรือ ออกงาน ก็ได้ และสำหรับบางคนอาจจะมีนาฬิกา Everyday watch เป็นนาฬิกาเพียงเรือนเดียวก็ยังได้ (แต่สำหรับนักสะสมแล้วคงเป็นเรื่องเศร้ามากที่จะมีเพียงเรือนเดียว)
ลักษณะของนาฬิกาประเภทนี้ จะมีดีไซน์ที่ไม่ฉูดฉาดนัก ถ้ามีช่องวันที่ก็จะสะดวกในการใช้งานเวลากรอกเอกสารโน่นนี่หรือพลิกข้อมือดูวันที่เร็วๆแต่ถ้าไม่ชอบให้มีช่องวันที่ก็ได้ ตัวเรือนมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป กันน้ำได้สัก100เมตรกำลังดี (เผื่อเจอเหตุไม่คาดฝัน) และสำหรับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา CasualChrono คิดว่าสายเหล็กจะดูแลได้ง่ายกว่า (ทว่าไลฟ์สไตล์ใครเหมาะกับสายหนัง หรือชอบสายหนังก็ไม่ว่ากัน)

Rolex: Datejust
Datejust เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆสำหรับใครหลายๆคนเพราะความคลาสสิกและมีเอกลักษณ์ของดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นขอบแบบหยัก ช่องวันที่ตา Cyclop สาย Jubilee อีกทั้งแบรนด์ Rolex ก็ยังเป็นแบรนด์นาฬิกาที่ได้รับการยอมรับอันดับ1ของโลก อีกทั้งยังเป็นนาฬิกาข้อมือที่เปลี่ยนวันที่ได้เองแบบอัตโนมัติเรือนแรกของโลกอีกด้วย Winston Churchill อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษผู้นำประเทศสู่ชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่2ก็ยังใส่ Datejust เช่นกัน

Grand Seiko: SGBA11 (Snowflake)
Snowflake มีความพิเศษอยู่หลายอย่างแต่ที่อยากจะหยิบมาพูดได้แก่ หน้าปัด และกลไก หน้าปัดของเรือนนี้มีความละเมียดละไมในเทคนิคการผลิตที่ทำออกมาได้เหมือนกับหิมะที่เพิ่งตกลงมา ดูมีความละเอียดอ่อนปราณีตยากจะหาใครเทียบ ส่วนกลไกก็เป็นแบบ Spring Drive ที่เป็นการผสมผสานกลไกแบบ mechanic กับ quartz เข้าด้วยกันทำให้เข็มเดินเนียนตาจนเรียกกันว่าเข็มดูดวิญญาณเลยทีเดียว

Cartier: Santos
เรือนนี้มีดีไซน์ที่คงอยู่มาเกินกว่า100ปีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกานักบินเรือนแรกของโลกก็ว่าได้ เพราะ Louis Cartier (หลานของผู้ก่อตั้ง Cartier) ได้ช่วยออกแบบและผลิตนาฬิกานี้ให้แก่เพื่อนเศรษฐีนักบินของเขา Alberto Santos Dumont และยังตั้งชื่อรุ่นเป็นชื่อเดียวกันอีกด้วย เอกลักษณ์คือตัวเรือนทรงเหลี่ยมและเลขโรมันบนหน้าปัด ส่วนสายเหล็กเป็นดีไซน์ที่เพิ่มเข้ามาในช่วงปี70 เม็ดมะยมตกแต่งด้วยอัญมณีสีน้ำเงิน

2. Dress Watches
เวลาที่เราต้องออกงานสำคัญๆ เราก็อาจจะมีนาฬิกาที่ดีไซน์คลาสสิกเรียบหรูสักเรือนเอาไว้ใส่กับสูทหรือชุดออกงานตัวเก่ง สำหรับวัฒนธรรมตะวันตกในอดีต Dress watch จะต้องเป็นนาฬิกาสายหนังเท่านั้น ใครใส่นาฬิกาสปอร์ทสายเหล็กออกงานจะดูไม่เข้ากาลเทศะ ทว่าปัจจุบันนาฬิกาสปอร์ทสายเหล็กก็เป็นที่ยอมรับกันได้แล้วในการใส่ออกงาน (อาจจะเพราะภาพจำของ James Bond ที่ใส่นาฬิกาสปอร์ทกับสูทที่ช่วยเปลี่ยนมุมมองของคน)
แต่ไหนๆแล้วเราก็ของเลือก Dress watch แบบ Old-school สักหน่อย นั่นก็คือ ใช้สายหนัง มีตัวเรือนบางๆ หน้าปัดต้องไม่ใหญ่ ถ้าทำจากโลหะมีค่า (ทองคำ, ทองคำขาว, โรสโกลด์) ด้วยก็ยิ่งเพิ่มมูลค่า หน้าปัดเรียบง่าย ถ้ากลไกเป็นแบบไขลานก็จะยิ่งคลาสสิก (โดยปกติกลไกไขลานจะบางกว่าแบบอัตโนมัติ) ทว่านาฬิกาแบบนี้มักจะกันน้ำได้น้อยประมาณ 30-50เมตรเท่านั้น

Jaeger Lecoultre: Reverso
Reverso มีความพิเศษที่ไม่เหมือนเรือนไหนๆคือตัวเรือนสามารถพลิกด้านหลังออกมาได้ เรียกว่าเป็นหนึ่งใน party trick ไว้โชว์เพื่อนๆได้เลย ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมออกแบบสไตล์ Art Deco ซึ่งเป็นแนวศิลปะที่นิยมมากๆในยุค 30 เหตุผลที่ออกแบบให้ตัวเรือนพลิกได้ก็เพราะ เหล่านักขี่ม้าโปโลชาวอังกฤษในประเทศอินเดียขอให้ช่วยออกแบบนาฬิกาที่ หน้าปัดจะไม่แตกเวลาขี่ม้าเล่นโปโล ดังนั้นการพลิกเอาฝาหลังที่เป็นเหล็กออกมาจึงเป็นการปกป้องกระจกหน้าไปในตัว

A.Lange & Sohne: Lange 1
Lange 1 มีดีไซน์ที่แปลกตามากองค์ประกอบบนหน้าปัดดูเหมือนจะเรียงแบบกระจัดกระจายแต่ถ้าเอาตารางมีขีดแบ่งช่องจะพบว่าทุกอย่างถูกวางไว้อย่างเป็นสัดส่วน จุดเด่นอีกอย่างคือช่องวันที่ขนาดใหญ่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาในโรงละครโอเปร่า ดีไซน์ของ Lange 1 เพิ่งมีมาพร้อมกลับการเปิดตัวของแบรนด์อีกครั้งหลังจากที่หายไปเพราะผลของสงครามโลกครั้งที่2

Patek Philippe: Calatrava
Dress watch กับ Patek เป็นของคู่กัน ถึงแม้ปัจจุบันคนอาจจะนึกถึง Nautilus ก่อนเมื่อพูดถึง Patek Calatrava เป็นรุ่นเริ่มต้นของแบรนด์และยังเป็นหนึ่งในรุ่นที่สำคัญที่สุดอีกด้วยเห็นได้จากชื่อรุ่น Calatrava ซึ่งเป็นกางเขงที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ของอัศวินกลุ่มหนึ่งในยุคกลาง และยังเป็นโลโก้ของแบรนด์อีกด้วย ดีไซน์ของเรือนนี้เป็นสไตล์ Bauhaus เน้นความเรียบง่ายและคลาสสิค

3.Dive Watches
นาฬิกาสปอร์ทประเภทนี้เป็นที่นิยมในบ้านเรามากๆ โดยมักจะเป็นนาฬิกาแบบแรกๆที่เราจะเลือกซื้อหามา ด้วยเพราะเป็นนาฬิกาสปอร์ทที่มีความสมบุกสมบันพอตัว กันน้ำได้ดี และมักจะมากับสายเหล็ก จึงทำให้นาฬิกาดำน้ำเป็นที่ชื่นชอบ ถึงจะเรียกว่าเป็น Dive watch แต่ในปัจจุบันผู้ใช้จำนวนมากก็อาจจะไม่ได้ใส่นาฬิกาแบบนี้ไปดำน้ำ ตามวัตถุประสงค์ที่ออกแบบมาเท่าใดนัก ต่างจากในอดีตที่นาฬิกาแบบนี้แข่งกันว่าของใครกันน้ำได้ดีที่สุดเผื่อเอาใจเหล่า professional ในวงการดำน้ำ
ลักษณะเฉพาะของ Dive watch ก็คือต้องกันน้ำได้สัก200เมตรขึ้นไป หน้าปัดขนาดใหญ่และมีขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ทิศทางเดียว (เผื่อป้องกันมือไปโดนขอบหน้าปัดขณะดำน้ำทำให้การดูเวลาที่เหลืออยู่ใต้น้ำผิดไป) มีพรายน้ำไว้ดูเวลาใต้น้ำ ส่วนสายจะเป็นสายเหล็ก,ไนลอน หรือ ผ้าใบก็แล้วแต่ (ถ้าเป็นสายเหล็กก็ควรจะมี Diver extension หรือกลไกในการปรับขนาดสายได้ง่ายๆ สำหรับปรับก่อนใส่ชุดดำน้ำ)

Blancpain: Fifty Fathoms
Fifty Fathoms เป็นนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกๆของโลก และมีขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ทิศทางเดียวเรือนแรกอีกด้วย (แบรนด์อื่นๆในอดีตต้องรอสิทธิบัตรนี้หมดอายุจึงจะทำตามได้) ชื่อ Fifty Fathoms มาจากความลึกของระดับการกันน้ำที่อุปกรณ์ของนักดำน้ำในอดีตสามารถจะดำลงไปได้ (ประมาณ91เมตร) ด้วยความพิเศษนี้หน่วยนาวิกโยธินของฝรั่งเศสในขณะนั้นจึงได้เลือก Blancpain มาเป็นนาฬิกาของหน่วยอย่างเป็นทางการ

Rolex: Submariner
Submariner เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของนาฬิกาดำน้ำหลายๆเรือน เป็นภาพจำเวลาเรานึกถึงนาฬิกาดำน้ำ ดีไซน์ของรุ่นปัจจุบันก็ยังคง DNA ของรุ่นออริจินัลอยู่ ทั้งขอบหน้าปัดแบบหยัก หลักชั่วโมงวงกลม, ขีด และสามเหลี่ยมที่ตำแหน่ง12นาฬิกา ต้นกำเนิดของนาฬิกาดำน้ำจาก Rolex มาจากรุ่น Oyster ในช่วงปี 20 ซึ่งเป็นนาฬิกาข้อมือกันน้ำเรือนแรกของโลก สิ่งที่ทำให้ Submariner เป็นที่นิยมของผู้คนส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก Sean Connery ที่รับบทเป็น 007ใส่ Submariner

Omega: Seamaster
Seamaster เป็นคอลเลคชั่นที่เก่าแก่ที่สุดของแบรนด์ที่ยังคงมีการผลิตมาถึงปัจจุบัน ตอนแรกนั้น Seamaster เป็นนาฬิกสไตล์ Dress watch แต่เมื่อเห็นความสำเร็จของ Submariner จึงได้เปลี่ยน Seamaster เป็นนาฬิกาดำน้ำเผื่อมาแข่งด้วย ดีไซน์ของรุ่นปัจจุบันมีความออริจินัลมาก โดยออกแบบมาในช่วงปี90 แต่ที่ทำให้ฮิตสุดๆก็เพราะ Pierce Brosnan ที่มารับบท007 ใส่ Seamaster เอกลักษณ์ของรุ่นนี้คือต้องมี Helium escape value ที่ตำแหน่ง10นาฬิกา และหน้าปัดลายคลื่น

4. Chronograph Watches
ในอดีต ทั้งนักแข่งรถ นักบินต่างก็เลือกนาฬิกาจับเวลา Chronograph เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการทำงาน แม้กระทั่งนาฬิกาของนักบินอวกาศของ NASA ก็ยังเคยกำหนดให้เป็นแบบ Chronograph นาฬิกาจับเวลาแบบนี้โดยทั่วไปจะมีปุ่มจับเวลา และปุ่มรีเซทอยู่ แต่ในบางดีไซน์แนววินเทจ ก็จะรวมเป็นปุ่มเดียวเรียกว่า Single pusher
กลไกนาฬิกาแบบChronograph นี้ถือว่าเป็นหนึ่งใน Complication ที่ผลิตยากที่สุด จากที่เล่ามาจะเห็นว่า Chronograph เป็นนาฬิกาแนวสปอร์ทสำหรับเหล่า Professional แต่หลายๆแบรนด์ก็มีการทำ Dress watch ที่มีฟังค์ชั่น Chronograph ด้วย ทว่าในบทความนี้เราจะขอโฟกัสเฉพาะที่เป็นนาฬิกาสปอร์ท โดยหน้าปัดจะมีหน้าปัดย่อยๆไว้จับเวลา มีปุ่มกดข้างตัวเรือน ขอบหน้าปัดมีตัวเลขไว้วัดความเร็ว หรือค่าต่างๆ โดยทั่วไปตัวเรือนจะมีขนาดใหญ่และค่อนข้างหนา

Omega: Speedmaster
Speedmaster เป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ได้เดินทางไปดวงจันทร์กับ Neil Armstrong ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ได้สร้างชื่อให้กับ Omega เป็นอย่างมาก และยังเป็นส่วนสำคัญในภารกิจนำลูกเรือของ Apollo13 กลับมายังโลกอีกด้วย แรกเริ่มนั้น Speedmaster ออกแบบเผื่อเป็นนาฬิกาสำหรับนักแข่งรถ ขอบหน้าปัดจึงมี Tachymetre ไว้จับความเร็ว หน้าปัดมีขนาดใหญ่ และกลไกเป็นแบบไขลาน

Breitling: Navitimer
ในช่วงแรกเริ่มหลังจากเปิดตัว Navitimer ได้รับความนิยมมากในหมู่นักบิน เพราะนอกจากจะมีฟังค์ชั่น Chronograph จับเวลาแล้ว ความพิเศษของรุ่นนี้อยู่ที่ขอบซึ่งสามารถหมุนเพื่อใช้คำนวน ผลลัพธ์ทางคณิตศาสตร์ง่ายๆได้เช่น ความเร็ว หรือ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เนื่องจาก Breitling ได้นำนักคณิตศาสตร์มาร่วมออกแบบด้วย และในปัจจุบันกองทัพอากาศหลายๆแห่งก็ยังใช้ Navitimer ในการฝึกนักบินอยู่

Rolex: Daytona
นาฬิกาที่บางคนบอกว่าเป็น King of Rolex sport watch โดยเป็นรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับนักแข่งรถ ชื่อรุ่นก็มาจากสนามแข่งรถ Daytona ในประเทศสหรัฐอเมริกา รุ่นนี้เป็นที่นิยมเพราะ ดาราและนักแข่งรถ Paul Newman ใส่ Daytona เป็นนาฬิกา Chronograph ที่กันน้ำได้ดีกว่าหลายๆรุ่นเพราะปุ่มกดจับเวลาซึ่งเป็นจุดอ่อนในการกันน้ำจะมีการหมุนเกลียวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกันน้ำ เชื่อมั้ยว่า Daytona ของ Paul Newman ถูกประมูลไปด้วยราคาที่สูงถึง 585ล้านบาท

5. Integrated Bracelet Watches
ดีไซน์ตัวเรือนที่ผสานกับสายหรือ Integrated bracelet นั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยแจ้งเกิดมาในช่วงปี70 จากนักออกแบบชื่อดัง Gerald Genta แรงบันดาลใจในการออกแบบของเขามาจากการสำรวจทางน้ำ จุดเริ่มต้นของดีไซน์นี้มาจากแบรนด์ Audemars Piguet ที่ต้องการสร้างความแตกต่าง เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤต Quartz (นาฬิกา Quartz ราคาถูกแย่งตลาดนาฬิกากลไก) ด้วยการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใครเพราะเป็นนาฬิกาสตีลสปอร์ทไฮเอน และการตั้งราคาเพราะเป็นนาฬิกาสตีลที่ราคาสูงพอๆกับนาฬิกาโลหะมีค่า ดังนั้นกลุ่มนาฬิกาแบบนี้จึงมีจุดกำเนิดมาจากนาฬิการะดับไฮเอน
โดยลักษณะของนาฬิกา Integrated bracelet ก็คือสายเหล็กเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเรือน เพื่อความออริจินัลเราจึงขอเลือกตัวเรือนที่เป็นสตีล (ตัวเลือกแบบโลหะมีค่าก็น่าสนใจ) หน้าปัดสีน้ำเงินตามธีมการออกแบบที่มาจากการเดินทางทางน้ำ (หน้าปัดสีอื่นก็มีนะ) ทั้ง3เรือนที่เลือกมาล้วนมาจากแบรนด์ที่เป็น Holy Trinityของนาฬิกาสวิสเลยทีเดียว

Audemars Piguet: Royal Oak
เรียกได้ว่า Royal Oak คือต้นกำเนิดของนาฬิกาประเภทนี้เลยทีเดียวเพราะ ในช่วงปี70ซึ่งเป็นช่วงวิกฤต Quartz แบรนด์ Audemars Piguet กำลังประสบปัญหาอย่างหนักและต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ด้วยการจ้าง Gerald Genta มาช่วยออกแบบนาฬิกาที่จะมากอบกู้แบรนด์ เขาได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจากหมวกดำน้ำ ในที่สุดRoyal Oakก็กำเนิดขึ้นพร้อมกับดีไซน์นาฬิกาสตีลที่ไม่เหมือนใคร และราคาที่สูงกว่านาฬิกาโลหะมีค่าในยุคนั้นอีก

Patek Philippe: Nautilus
Nautilus เป็นอีกหนึ่งผลงานของ Gerald Genta ที่ว่ากันว่าเขาใช้เวลาออกแบบเพียงแค่15นาทีระหว่างอาหารเย็น หลังจากวาดเสร็จก็เดินเอาแบบไปยื่นให้ผู้บริหารของ Patek Philippe ดู โดยเขายังคงธีมการดีไซน์จากการเดินทางทางน้ำด้วยแรงบันดาลใจจากหน้าต่างเรือเดินสมุทร ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลยที่ Patek Philippe จะนำดีไซน์ของเขาไปผลิตจริงเพราะในตอนนั้น Royal Oak ก็ไม่มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อเช่น Patek Philippe สำหรับนาฬิกาประเภทนี้

Vacheron Constantin: Overseas
ด้วยความสำเร็จของทั้ง Audermars Piguet และ Patek Philippe ในนาฬิกาแบบ Integrated bracelet สตีลสปอร์ท ทำให้แบรนด์เก่าแก่อย่าง Vacheron Constantin ต้องลุกขึ้นมาเล่นตลาดนี้บ้าง โดยได้จ้างนักออกแบบ Jorg Hysek มาดีไซน์นาฬิกา ผลงานที่ออกมาคือรุ่น 222 ซึ่งเป็นการฉลองครบรอบ222ปีของแบรนด์ สำหรับ Overseas นั้นก็นับได้ว่าเป็นการวิวัฒนาการต่อมาจากรุ่น222 แรงบันดาลใจการออกแบบมาจากกางเขน Maltese ซึ่งเป็นโลโก้ของแบรนด์

6. Beater Watches
นาฬิกาใส่ลุยแบบไม่ต้องทะนุถนอมหรือที่เรียกกันว่า Beater watch เป็นเรือนที่เราจะเลือกใส่เวลาไปทำกิจกรรมแบบลุยๆหน่อย ต้องมีเลอะหรือมีกระแทกกันบ้าง เช่น เดินป่า, ปีนเขา, ตั้งแคมป์ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายต่อนาฬิกาของเรา ดังนั้นนาฬิกาแบบนี้ควรจะต้องมีความแข็งแรงทนทาน ดูแลง่าย เที่ยงตรง รวมถึงในบางกรณีก็อาจจะได้ใช้ฟังค์ชั่นสำหรับการสำรวจ เช่นเข็มทิศ วัดความสูง เวลาต่างไทม์โซนต่างๆนาๆ
ด้วยความสามารถเหล่านี้เราจึงมักจะเห็นนักสำรวจหรือหน่วยรบต่างๆใส่นาฬิกาสไตล์นี้กัน ตัวเรือนมักจะมีขนาดใหญ่และหนา ทำมาจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานแต่น้ำหนักเบา เช่นเดียวกับสายที่มักจะเป็น ยาง เรซิน ทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนกลไกเป็นแบบ Quartz ที่ดูแลง่ายและแม่นยำ ทั้งนี้มักจะมีฟังค์ชั่นต่างๆอีกมายมากให้ใช้ไม่ว่าจะเป็น จับเวลา, นับถอยหลัง, วัดอุณหภูมิ, แสดงเวลาโลก ฯลฯ และต้องกันน้ำได้ดีอย่างน้อยสัก200เมตร

G-Shock: Rangeman
G-Shock นาฬิกาสุดถึกทนต่อแรงกระแทกและแม่นยำเที่ยงตรงผลงานจาก Kikuo Ibe ที่เฟี้ยงต้นแบบกว่า200เรือนลงมาจากหน้าต่างชั้น2เพื่อทดสอบการกันกระแทก ทำให้ G-Shock ได้รับความนิยมมากๆในหมู่นักผจญภัย และหน่วยรบต่างๆ โดยมักจะมีฟังค์ชั่นต่างๆมากมายให้ใช้งาน ทั้งแสดงเวลาโลก, วัดความสูง, วัดอุณหภูมิ, เข็มทิศ, จับเวลา ฯลฯ อย่างในรุ่น Rangeman นี้ก็เป็นแบบเดียวกับที่ Chris Hemsworth ผู้รับบททหารรับจ้างใส่ภาพยนตร์เรื่อง Extraction

Luminox: Bear Grylls Survival
Luminox นั้นโด่งดังมาจากการเป็นนาฬิกาให้กับหน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐอเมิรกา แต่สำหรับ Bear Grylls Survival นั้นมีความพิเศษตรงที่เป็นความร่วมมือกับนักผจญภัยชื่อดัง อดีตหน่วย SAS ของอังกฤษ เจ้าของรายการ ‘Man vs Wild’ สำหรับเรือนนี้อยู่ในคอลเลคชั่น Master Series มาพร้อมกับ Night Vision Tube ที่สามารถเรืองแสงได้ยาวนานถึง25ปี ตัวเรือนเป็น Carbonox ถึกทนต่อแรงกระแทกแต่น้ำหนักเบา

Seiko: SNJ025
เรือนนี้เป็นการต่อยอดมาจากรุ่น H558-5009 (Seiko Arnie) ซึ่งเป็นรุ่นที่ Arnold Schwarzenegger ผู้รับบทหัวหน้าหน่วยคอมมานโด ใส่ในภาพยนตร์เรื่อง Predator สำหรับ SNJ025 จุดเด่นคือหน้าปัดที่ผสมการออกแบบระหว่าง Analog และ Digital มีเกราะ(Tuna)รอบตัวเรือน ปุ่มกดที่ตำแหน่ง 8 และ 10 นาฬิกามีขนาดใหญ่ ขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียว และมีฟังค์ชั่น ปฏิทิน, จับเวลา, บอกเวลา2ไทม์โชน และ ตั้ง Alarm