Post Page Advertisement [Top]


ถ้าพูดถึงแบรนด์นาฬิกาที่กำลังฮอทสุดๆในเวลานี้ คงต้องนึกถึง Rolex เป็นแน่ โดยเฉพาะรุ่นสปอร์ท Stainless Steel ของแบรนด์ซึ่งราคาพุ่งสูงขึ้นมาก เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาที่สามารถรักษามูลค่าของตัวเองได้เป็นอย่างดี

วันนี้ Casual Chrono ขอเลือก Steel Sport Watch ที่น่าสะสมมา4รุ่น
- Submariner
- Explorer I
- Daytona
- GMT Master II

นอกจากจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจแล้ว นาฬิกา4รุ่นนี้ยังมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เพียงมองผ่านๆก็ดูออกว่าคือแบรนด์อะไร และไม่ต้องกังวลถึงเรื่องคุณภาพของนาฬิกาไป เพราะขนาดเหล็ก 904L ที่ใช้นั้น Rolex ก็ผลิตด้วยตัวเองเพราะทนทานต่อการสึกกร่อนมากกว่าเหล็กทั่วไป อีกทั้งกลไกของ Rolex ยังมีมาตรฐานความเที่ยงตรงระดับ Superlative Chronometer แม่นยำระดับ -2/+2วินาทีต่อวัน ซึ่งเที่ยงตรงกว่ามาตรฐาน COSC (Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres) ของสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งกำหนดไว้ที่ -4/+6วินาทีต่อวัน เสียอีก

สำหรับใครที่อยากได้นาฬิกาดีๆสักเรือนที่แสดงออกถึงความสำเร็จ ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ คุณภาพสูง และยังสามารถส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไปแล้ว Rolex เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆที่น่าสนใจมาก

ไม่แน่ว่านาฬิกาที่เราซื้อในวันนี้อีก 30-40ปีหลังจากนี้ (อาจจะ)กลายเป็นรุ่นหายาก ราคาสูงขึ้นกว่าปัจจุบันกี่เท่าก็เป็นได้

-------------------

Submariner 

เรียกได้ว่าเป็นต้นตระกูลของนาฬิกาดำน้ำทั้งมวลเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่นาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกที่ออกสู่ตลาด (นั่นเป็นตำแหน่งของ Blancpain Fifty Fathoms) แต่ Submariner เป็นเรือนที่ทำให้นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพเป็นที่นิยมในวงกว้าง

Submariner เปิดตัวมามากกว่า 65ปีแล้ว โดย Rolex เป็นแบรนด์แรกที่คิดค้นนาฬิกาข้อมือกันน้ำ โดยมีการพัฒนาต่อยอดเรื่อยมา ในอดีตที่ผ่านมา Submariner ก็ได้รับความไว้วางใจจากนักสำรวจใต้ทะเลมืออาชีพ เช่น Comex บริษัทดำน้ำของฝรั่งเศส หรือ เจ้าหน้าที่ทางการทหารอย่างกองทัพเรืออังกฤษ ขนาด James Bond 007 ตัวพ่ออย่าง Sean Connery ยังใส่ Submariner เลย

ถ้าพูดถึง Rolex แล้วภาพที่ทุกคนนึกถึงคือ Submariner ถึงแม้ว่าปัจจุบัน รุ่นอื่นๆอาจจะเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นมา เบียบกับ Sub แต่ก็ไม่สามารถลบภาพจำว่า Rolex = Submariner ออกไปได้

Submariner รุ่นปัจจุบันมีทั้งแบบมีช่องวันที่บริเวณ 3นาฬิกา และ แบบไม่มีวันที่ นักสะสมบางคนอาจจะเรียก Sub No date ว่าเป็น The Definitive Submariner แต่การที่มีช่องวันที่ก็ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นมาก

นาฬิกาดำน้ำแน่นอนว่าต้องกันน้ำได้ลึก 300เมตร ตัวเรือนขนาดกำลังดี 40มม พร้อมขอบหน้าปัดแบบเซรามิคกันรอยขีดข่วน หมุนได้ทิศทางเดียว ถ้ารุ่นมีวันที่จะมี ตา Cyclops บริเวณ 3นาฬิกา รุ่นปกติขอบหน้าปัดจะสีดำ แต่ก็มีรุ่น HULK ที่คนนิยมกันเป็นสีเขียว

//// รายละเอียด
วัสดุ: Stainless Steel
สาย: Stainless Steel
ขนาด: 40 mm
กระจก: Sapphire
กันน้ำ: 300 m
กลไก: Cal. 3130 (Automatic)
สำรองพลังงาน: 48 hr
ราคาประมาณ 290,000 THB สำหรับ Sub No Date (ราคาตลาดโลก ก.ย. 2019)
ราคาประมาณ 330,000 THB สำหรับ Sub Date (ราคาตลาดโลก ก.ย. 2019)

-------------------

Explorer I

ออกแบบมาสำหรับนักปีนเขา และนักสำรวจ ในปี 1953 Sir Edmun Hillary และ Tenzing Norgay เป็นผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์คนแรกของโลก ได้รับนาฬิกาต้นแบบ (Prototype) รุ่น Oysters Perpetual (เป็นต้นตระกูลของ Explorer)จากRolex เพื่อใช้ในภารกิจนี้ ที่ยังเป็นนาฬิกาต้นแบบเพราะว่ามันไม่เคยมีนาฬิกาเรือนไหนในโลก ณ เวลานั้น ที่ต้องทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ในความระดับสูงกว่า 8,848เมตร อุณภูมิติดลบต่ำสุดกว่า -60C

หมายเหตุ: จริงๆแล้ว Rolex เริ่มทดสอบนาฬิกาสำหรับสภาพแวดล้อมเช่นนี้มาตั้งแต่ปี 1930 เพื่อพัฒนานาฬิกาสำหรับนักปีนเขามืออาชีพ โดยส่งไปทดสอบถึงเทือกเขาหิมาลัย

รุ่นนี้อาจจะฮอตน้อยสุดจากทั้ง4เรือน ถึงขนาดที่นักสะสมบางคนเรียกว่าจืด แต่จริงๆแล้วมันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง Dress watch และ Sport Watch เลยทีเดียว สามารถเข้าได้กับทุกลุคไม่ว่าจะเป็นทางการหรือลำลอง และยัง Fly under the radar ไม่ดึงดูดสายตาคนมากจนเกินไป หน้าปัดออกแบบมาให้มีสัดส่วนการใช้พื้นที่อย่างสมดุล พร้อมกลิ่นไอ Vintage เล็กน้อย ด้วยตัวเลขที่ตำแหน่ง 3,6 และ 9นาฬิกา

ขนาดตัวเรือนอยู่ที่ 39มม หน้าปัดสีดำ ตัวเลขที่ 3,6 และ 9 นาฬิกา มีพรายน้ำ โดดเด่นเวลาเรืองแสง สามารถกันน้ำได้ 100เมตรซึ่งนั่นก็เพียงต่อต่อกิจกรรมทั่วๆไปในชีวิตประจำวัน

//// รายละเอียด
วัสดุ: Stainless Steel
สาย: Stainless Steel
ขนาด: 39 mm
กระจก: Sapphire
กันน้ำ: 100 m
กลไก: Cal. 3132 (Automatic)
สำรองพลังงาน: 48 hr
ราคาประมาณ 218,000 THB (ราคาตลาดโลก ก.ย. 2019)

-------------------

Daytona

The King of Rolex Sport คือวลีที่หลายๆคนใช้เรียก Daytona ไม่ว่าจะด้วยราคาที่สูงสุดในบรรดา4เรือนนี้ ดีไซน์การออกแบบที่ดู Motor sport inspired ฟังชั่นจับเวลา Chronograph ซึ่งเรียกว่าเป็น1ใน complication ที่ผลิตยากที่สุด และยังเป็นรุ่นที่ครองตำแหน่งนาฬิกา Rolex ที่แพงที่สุดในโลก (Paul Newman Daytona ถูกประมูลไปด้วยราคากว่า 534ล้านบาท) จึงไม่แปลกใจที่ใครๆต่างก็ต้องการเป็นเจ้าของเรือนนี้

Daytona เริ่มต้นในปี 1963 แต่ในตอนนั้นใช้ชื่อเรียกว่า Chronograph เฉยๆ ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น Cosmograph และ ใช้ชื่อเป็น Daytona ในปี 1964 คำว่า Daytona มาจากชื่อสนามแข่งรถ Daytona ริมทะเล ในมลรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมิรกา ในช่วงปี 60นั้น นาฬิกา Daytona ได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกาสำหรับนักแข่งรถ และ Rolex ยังเป็น Official Time Keeper ของสนามแข่งนี้อีกต่างหาก

หมายเหตุ: จะสังเกตุได้ว่านาฬิกาสปอร์ทที่ออกแบบมาสำหรับการแข่งรถต่างก็มีฟังค์ชั่น Chronograph ทั้ง Omega Speedmaster, Tag Heuer Monaco, Rolex Daytona

ตัวเรือนขนาด 40มม หน้าปัดสีดำ หรือ สีขาว มาพร้อมขอบหน้าปัด Tachymeter (ใช้สำหรับจับความเร็วในระยะทาง 1กม) แบบเซรามิคกันรอยขีดข่วน ปุ่มกด Chronograph แบบ Screw Down ต้องหมุนคลายเกลียวก่อนจึงจะกดได้ และหมุนกลับลงเผื่อป้องกันน้ำเข้าตัวเรือน บนหน้าปัดมี 3 sub dial โดยตำแหน่งที่6นาฬิกาจะเป็น Running Second Hand หรือเข็มวินาที ดีไซน์ของรุ่นนี้ดูจะสปอร์ทที่สุดในบรรดาทั้ง4เรือนที่เลือกมา

//// รายละเอียด
วัสดุ: Stainless Steel
สาย: Stainless Steel
ขนาด: 40 mm
กระจก: Sapphire
กันน้ำ: 100 m
กลไก: Cal. 4130 (Automatic)
สำรองพลังงาน: 72 hr
ราคาประมาณ 770,000 THB (ราคาตลาดโลก ก.ย. 2019)

-------------------

GMT Master II

GMT นั้นกำเนิดมาจากความต้องการของสายการบิน Pan American ในช่วงปี50 ซึ่งเป็นยุคทองของการบิน โดยเฉพาะการบินข้ามทวีป ทำให้สายการบินต้องการนาฬิกาสำหรับนักบินที่จะต้องบอกเวลาให้ได้ถึง 2 Time Zone ดังนั้น Pan American จึงได้มาปรึกษากับ Rolex ในปี1954 เพื่อให้ช่วยผลิตนาฬิกาตามความต้องการนี้ และผลลัพธ์ที่ได้คือ Rolex GMT

GMT ย่อมาจาก Greenwich Mean Time เป็นมาตรฐานเวลาสากลของโลก กำหนดเริ่มต้นจากหอดูดาว Greenwich กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตัวอย่างเช่น ประเทศไทย เวลามาตรฐานโลกคือ GMT+7

ณ เวลานี้ GMT เป็นรุ่นที่ฮิตมาก โดยเฉพาะ Batman ขอบสีดำ/น้ำเงิน ตัวล่าสุดที่เปิดตัวในงาน Basel World 2019 ที่ผ่านมา ตัวเรือนขนาด 40มม ขอบหน้าปัดแบบเซรามิคสีทูโทน (ดำ/น้ำเงิน และ แดง/น้ำเงิน) บนขอบหน้าปัดแสดงเวลา 24ชั่่วโมง สามารถหมุนได้สองทิศทาง (จึงทำให้สามารถอ่านเวลาได้ถึง 3 Time Zone) หน้าปัดจะมีเข็มที่4แสดงเวลา24ชั่วโมง และเลนส์ Cyclops สำหรับช่องแสดงวันที่บริเวณ 3นาฬิกา

หมายเหตุ: รุ่นที่ขอบ Bezel สีดำล้วนพึ่งจะยุติการผลิตไปปีนี้นี่เอง หรือที่เขาเรียกกันว่ารุ่นเข็มเขียว สามารถดูวีดีโอรีวิวของรุ่นนี้ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=1MW5312fR0w

//// รายละเอียด
วัสดุ: Stainless Steel
สาย: Stainless Steel
ขนาด: 40 mm
กระจก: Sapphire
กันน้ำ: 100 m
กลไก: Cal. 3285 (Automatic)
สำรองพลังงาน: 70 hr
ราคาประมาณ 540,000 THB (ราคาตลาดโลก ก.ย. 2019)

Bottom Ad [Post Page]